อาการ “หายใจไม่สะดวก” มีความหมายกว้างมาก และหลายต่อหลายครั้งคนไข้ที่มีอาการเหล่านี้จะมีความรู้สึกหรือมีอาการหายใจผิดปกติที่แตกต่างกัน ทั้งที่บอกหมอด้วยอาการที่มีชื่อเดียวกัน
อาการ “หายใจไม่สะดวก” อาจจะเป็นเพียงอาการคัดจมูกเพียงเล็กน้อย ทำให้หายใจไม่สะดวก ไปจนถึงอาการหายใจลำบากที่เกิดจากมีลมในช่องอก (ลมรั่วจากปอดเข้าไปในช่องอกจนเบียดและอัดดันปอดให้แฟบลง) ทำให้หายใจไม่สะดวก เป็นต้น
อาการหายใจที่ผิดปกติจะต้องมีลักษณะหนึ่งลักษณะใดหรือหลายลักษณะร่วมกันดังนี้
1. หายใจไม่ออกทันที (choking suffocating) เช่น สำลักชิ้นเนื้อ หรือสิ่งอื่นเข้าอุดคอหอยหรือหลอดลม ถูกบีบคอ รัดคอ เป็นต้น ทำให้หายใจไม่ออก แต่ยังพยายามหายใจอยู่
2. หายใจหยุดเฉียบพลัน (acute respiratory arrest) เกิดจากสมองส่วนท้าย (medulla oblongata) ถูกกดจากสมองส่วนบน หรือถูกกระแทกจากอุบัติเหตุ ทำให้หยุดหายใจ เพราะสมองไม่สั่งให้หายใจ
3. หายใจช้ากว่า 10 ครั้ง/นาที หรือเร็วกว่า 20 ครั้ง/นาที ในขณะนั่งพักหรือนอนพักอยู่ (ในเด็กเล็ก ซึ่งหายใจเร็วกว่าในผู้ใหญ่ อาจจะถือว่าผิดปกติ ถ้าหายใจช้ากว่า 15 ครั้ง/นาที หรือเร็วกว่า 30 ครั้ง/นาที) หายใจไม่สม่ำเสมออย่างชัดเจน เช่น
3.1 หายใจเร็วช้าหยุด (Cheyne-Stokes respiration) คือการหายใจที่คนไข้จะหายใจเร็วและลึก (เหมือนหอบ) อยู่สักครู่หนึ่ง แล้วจะหายใจช้าลงและตื้นขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดจะหยุดหายใจไปสักครู่หนึ่ง แล้วจึงหายใจใหม่ โดยเริ่มหายใจช้า ๆ และตื้น ๆ ก่อน แล้วจะหายใจเร็วขึ้นและลึกจนหายใจเหมือนหอบอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วจะหายใจช้าลงและตื้นขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดจะหยุดหายใจอีก สลับกันไปเรื่อย ๆ เช่นนี้
อาการ “หายใจไม่สะดวก” อาจจะเป็นเพียงอาการคัดจมูกเพียงเล็กน้อย ทำให้หายใจไม่สะดวก ไปจนถึงอาการหายใจลำบากที่เกิดจากมีลมในช่องอก (ลมรั่วจากปอดเข้าไปในช่องอกจนเบียดและอัดดันปอดให้แฟบลง) ทำให้หายใจไม่สะดวก เป็นต้น
อาการหายใจที่ผิดปกติจะต้องมีลักษณะหนึ่งลักษณะใดหรือหลายลักษณะร่วมกันดังนี้
1. หายใจไม่ออกทันที (choking suffocating) เช่น สำลักชิ้นเนื้อ หรือสิ่งอื่นเข้าอุดคอหอยหรือหลอดลม ถูกบีบคอ รัดคอ เป็นต้น ทำให้หายใจไม่ออก แต่ยังพยายามหายใจอยู่
2. หายใจหยุดเฉียบพลัน (acute respiratory arrest) เกิดจากสมองส่วนท้าย (medulla oblongata) ถูกกดจากสมองส่วนบน หรือถูกกระแทกจากอุบัติเหตุ ทำให้หยุดหายใจ เพราะสมองไม่สั่งให้หายใจ
3. หายใจช้ากว่า 10 ครั้ง/นาที หรือเร็วกว่า 20 ครั้ง/นาที ในขณะนั่งพักหรือนอนพักอยู่ (ในเด็กเล็ก ซึ่งหายใจเร็วกว่าในผู้ใหญ่ อาจจะถือว่าผิดปกติ ถ้าหายใจช้ากว่า 15 ครั้ง/นาที หรือเร็วกว่า 30 ครั้ง/นาที) หายใจไม่สม่ำเสมออย่างชัดเจน เช่น
3.1 หายใจเร็วช้าหยุด (Cheyne-Stokes respiration) คือการหายใจที่คนไข้จะหายใจเร็วและลึก (เหมือนหอบ) อยู่สักครู่หนึ่ง แล้วจะหายใจช้าลงและตื้นขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดจะหยุดหายใจไปสักครู่หนึ่ง แล้วจึงหายใจใหม่ โดยเริ่มหายใจช้า ๆ และตื้น ๆ ก่อน แล้วจะหายใจเร็วขึ้นและลึกจนหายใจเหมือนหอบอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วจะหายใจช้าลงและตื้นขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดจะหยุดหายใจอีก สลับกันไปเรื่อย ๆ เช่นนี้